13 กันยายน 2555

สลามครับพี่น้อง เค้าว่ากันว่าหากพูดเป็นภาษามาเลอินโดก็จะเข้าใจหากพูดภาษาอินโดก็ยังไม่แน่ว่ามาเลจะเข้าใจหรือเปล่า ? นักวิชาการหลายท่านได้กล่าวว่าภาษาอินโดมาเลนั้นมีความเหมือนกัน 90 % วันนี้ผมก็เลยลองไปขุดคุ้ยดูก็พบว่าศัพท์พื้นฐานบางคำนั้นก็ต่างกัน เพราะการพัฒนาของภาษาของทั้งสองประเทศนั้นพัฒนากันคนละแบบ ดังนั้นการเจริญเติบโตของภาษาก็มีผลเช่นกันเพราะภาษาของทั้งสองประเทศนี้เค้าใช้ปรัชญาคนละฉบับ เดี๋ยววันหลัง การเทียบคำศัพท์ที่ใช้เรียกในภาษาอินโดเนเซียมาเลเซียต้องใช้คำจริงที่ใช้อยู่ในชีวิตประจำวันนำมาเปรียบเทียบ สำหรับผมแล้วผมมองว่าภาษาอินโดนั้นมีการสรรหาคำอย่างสละสลวย ส่วนภาษามาเลเซียนั้นยังไม่มีมาตรฐานพอ เพราะว่าการสรรหาคำที่ใช้นั้นยังคงไม่แน่นอน เพราะความหลากหลายของคำที่จะใช้นั้นมีหลายระดับเกินไป ภาษาอินโดนั้นได้ทำการคัดคำที่จะนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น อินโดเค้าจะเลือกใช้คำ A ในขณะที่ภาษามาเลเซียจะใช้ A, B, C ก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางเดียวกันได้  ในขณะที่ภาษาอินโดเนเซียนั้นเค้าใช้คำได้เหมาะเจาะ และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ดังนั้นภาษาของทั้งสองประเทศนี้จึงต่างกันนิดหน่อย แต่สื่อสารกันได้เข้าใจ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคนอินโดเขาไม่ค่อยเข้าใจคำบางคำที่เป็นภาษามาเลเซีย ในขณะที่ผู้พูดภาษามาเลเซียนั้นเข้าใจคำบางคำของอินโด แต่ก็มีน้อยคำที่ผูัพูดภาษามาเลไม่เข้าใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วเค้าก็เข้าใจ เพราะปัจจุบัน พจนานุกรมของ Dewan Bahasa dan Pustaka เค้าได้บรรจุคำของภาษาอินโดไว้ในนั้นด้วย แต่ในภาษาอินโดนั้นไม่ได้บรรจุคำของภาษามาเลเซีย

เทียบคำศัพท์ที่ใช้เรียกในภาษาอินโดเนเซียมาเลเซีย

------Bahasa Melayu----Bahasa Indonesia-----ภาษาไทย
1........Bandar...................Kota.....................เมือง
2........Tandas...........
.......Toilet....................ห้องน้ำ
3........Kedai.....................Warung................ร้านค้า
4........Selipar...................Sandal.................รองเท้าแตะ
5........Kolah.....................Bak mandi.............อ่างอาบน้ำ
6........Berus gigi...............Sikat gigi................แปรงสีฟัน
7........Tuala.....................Handuk.................ผ้าขนหนู
8........Sudu.....................Sendok..................ช้อน
9........Pinggan..................Piring....................จาน
10......Cawan...................Cangkir...................ถ้วย
11......Seluar....................Celana...................กางเกง
12......Bilik.......................Kamar....................ห้อง
----------------------------------------------
*เพื่อเป็นการเสริมความรู้เผื่อว่ามีใครมาถาม เกี่ยวกับความหมายความแตกต่างที่ใช้เรียก 


** ห้ามนำข้อความในเว็บนี้ไปเผยแพร่ที่ใดเป็นอันขาด เพราะเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น **
สลามครับอินโดเนเซีย

บางทีก็รู้สึกแปลกๆว่าทำไมกลุ่มภาษาอินโด-มาเลนั้นเขาไม่มีการทักทายเหมือนบ้านเรา บ้านเราเขาจะใช้สัวสดี แทนทุกโอกาสทุกๆครั้งที่ได้เจอะเจอกัน เช่น ตอนเช้า กลางวัน เที่ยงก็สวัสดี ช่วงกลางคืนใกล้เวลานอนก็ราตรีสวัสดิ แต่การใช้คำทักทายในภาษาอินโดเนเซียมาเลเซียนั้น จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเวลา ดังนี้

Selamat Pagi : ใช้กล่าวทักทาย สวัสดีตอนเช้า ก็เท่ากับ อรุณสวัสดิ
Selamat Siang : ใช้กล่าวทักทาย สวัสดีตอนเที่ยง
Selamat sore : ใช้กล่าวทักทาย สวัสดีตอนเย็น
Selamat Tidur : ใช้กล่าวทักทาย สวัสดีตอนกลางคืน  ก็เท่ากับ ราตรีสวัสดิ

หากใช้ Selamat เฉยๆเหมือนโรตีธรรมดาไม่ใส่ไข่ก็จะให้ความหมายว่า "ปลอดภัย/ สวัสดิภาพ" ใช้กล่าวทักทายในโอกาสลาจากกัน เช่น

Selamat  ya.
ขอให้ปลอดภัยน่ะ
-------------------------------------------------
Selamat jalan.
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
- เกร็ดความรู้
* ส่วนในภาษามาเลเซีย เขาจะใช้ Selamat Petang ในขณะที่ภาษาอินโดเนเซียเค้าใช้ Selamat sore  อ่านว่า  ซือลามัต ซอ-เร
**หากใช้คำว่า Selamat หากเพื่อเป็นการทักทายต้องระบุด้วยว่า Pagi, Siang, Sore และ Tidur

17 สิงหาคม 2555


   ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community)

 

       อาเซียนจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี 2558 โดยมีเป้าหมายอาเซียนมีตลาดและฐานการผลิตเดียวกันและ มีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี อาเซียนได้จัดทำแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community Blueprint) ซึ่งเป็นแผนงาน บูรณาการการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ 4 ด้าน คือ 1) การตลาดและฐานการผลิตเดียว โดยจะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี รวมทั้งการเคลื่อนย้าย เงินทุนอย่างเสรีมากขึ้น ตลอดจนการส่งเสริมการรวมกลุ่มสาขาสำคัญ ของอาเซียนให้เป็นรูปธรรม โดยได้กำหนดเป้าหมายเวลาที่จะค่อยๆ ลดหรือยกเลิกมาตรการที่มิใช่ภาษี สำหรับประเทศสมาชิกเก่า 6 ประเทศภายในปี 2553 เปิดตลาดภาคบริการและเปิดเสรีการลงทุน ภายในปี 2558 และเปิดเสรีการลงทุนภายในปี 2553 2) การสร้าง ขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียนโดยให้ความ สำคัญกับประเด็นด้านนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมการรวมกลุ่มทาง เศรษฐกิจ เช่น นโยบายการแข่งขัน การคุ้มครองผู้บริโภค สิทธิใน ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นโยบายภาษี และ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (การเงิน การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงาน) 3) การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค ให้มีการพัฒนา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการเสริมสร้างขีด ความสามารถผ่านโครงการต่างๆ เช่น ข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของ อาเซียน (Initiative for ASEAN Integration- IAI) เป็นต้น เพื่อ ลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก และ 4) การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เน้นการปรับประสานนโยบาย เศรษฐกิจของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาค เพื่อให้อาเซียนมี ท่าทีร่วมกันอย่างชัดเจน เช่น การจัดทำเขตการค้าเสรีของอาเซียน กับประเทศคู่เจรจาต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างเครือข่าย ในด้านการผลิต/จำหน่ายภายในภูมิภาคให้เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก

26 พฤษภาคม 2555

google plus คืออะไร (Google+)

Google+ (Google Plus) คือโครงการของ Google ที่มีความพยายามมานานหลังจากมีการออกมายอมรับก่อนหน้านั้นว่า Google ขยับตัวช้าไปในเรื่องนี้แถมยังมีข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานที่สามารถคิดโครงการ Social Networks ให้ออกมาประสบความสำเร็จอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้เราคงเห็นปุ่ม Google + ที่เปิดตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้วซึ่งหลายคนก็ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่ากดไปแล้วมันจะได้อะไร แหล่งปลายทางของข้อมูลที่กด Google+
นั้นจะไปอยู่ที่ไหน
วันนี้ทาง Google เปิดตัว Social Networks ของตัวเองแล้วโดยใช้ชื่อว่า Google + (Plus) นั่นเองโดยเข้าไปเล่นกันได้ที่ https://plus.google.com


Google + ใช้ชื่อ Tagline เอาไว้ว่า “Real-life sharing, rethought for the web” ซึ่งแน่นอนนี่คือคำเฉลยของข้อมูลจากปุ่ม Google+ ที่ออกมาก่อนหน้านี้
จะ เห็นว่าใน Google + นั้นมีการใช้คำว่า +Circles คือระบบเพื่อนนั่นเองที่จะสามารถสร้างกลุ่มเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ได้ และสามารถกำหนดเป็นกลุ่มๆได้ อย่างเช่น “เพื่อน”, “ครอบครัว” และกำหนดจำนวนคนในกลุ่มได้มากกว่า 100 คนเพื่อใช้พูดคุยกันบนโลกออนไลน์ได้
ต่อ จากนั้นก็เป็นเรื่องของการพูดคุยกันใน Google + โดยจะทีการใช้ชื่อว่า +Sparks ที่มันจะคอยทำหน้าที่กำหนดสิ่งที่เราสนใจต่างๆเพื่อเข้าไปแชร์ ดูข้อมูลหรือสนทนาได้ (แบบ Group ) ยกตัวอย่างเช่นเราสนใจเรื่อง “รถยนต์”, “การ์ตูน”, “แฟชั่น” เป็นต้น ซึ่งเราสามารถระบุสิ่งที่ชื่นชอบเหล่านั้นได้แล้วก็จะมีข้อมูล feed เข้ามาให้เราได้ดู คล้ายหลักการการเป็น Fan ของ Facebook นั้นเองที่เรากด Like แล้วเมื่อต้นทางมีการอัพเดทข้อมูลเราก็จะได้เห็นด้วย แต่ +Sparks จะดึงข้อมูลจาก Internet ที่มากกว่าผ่านปุ่ม Google + เข้ามาแสดงผลด้วยซึ่งมันรองรับภาษาถึง 40 ภาษาในช่วงการเปิดตัวนี้เลย
ฟีเจอร์ ต่อไปนี้ถือว่าหลายคนคงชื่นชอบนั้นคือ +Hangouts ฟังชื่อก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ๋งแน่ๆ เพราะมันเป็นการกำหนดอนาคตว่าเราต้องการจะไปปาร์ตี้ (ไปทำอะไรก็แล้วแต่) โดยเพื่อนๆสามารถเห็นว่าเรา “ว่าง” พร้อมที่จะออกไปสนุกสนานเรียกให้เพื่อนๆเข้ามาสนุกกับเราด้วย หรือจะเรียกว่ามันคือฟีเจอร์นัดพบก็ว่าได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นที่จะมาเจอกัน เพื่อนของเพื่อนหรือจะใครต่อใครก็ได้เช่นกัน
ขาดไม่ได้เลยในยุคนี้คือ Chat และแน่นอน Google ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์นี้พอสมควรโดยใช้ชื่อฟีเจอร์นี้ว่า + Huddle ซึ่งมันสามารถทำการพูดคุยกันเป็นกลุ่มๆได้ด้วยเหมาะสำหรับการทำเป็น Gang ซึ่งถ้าหลายคนเคยใช้งาน BlackBerry Messenger คงคุ้นกับการสนทนาเป็น Group messaging นี้ดี
และเพื่อให้ Google + สมบูรณ์แบบก็จะต้องมีบนมือถือด้วยโดย Google + พร้อมให้ดาวน์โหลดไปใช้บนมือถือที่เรียกว่า +Mobile โดยมีฟีเจอร์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นครบสมบูรณ์บนมือถือกันเลย ซึ่งในอนาคตมันคงจะเข้าไปอยู่บนระบบ Android ที่เป็นระบบปฏิบัติการบนมือถือของ Google อีกด้วย โดยไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้แล้วที่ A ndroid market
ว่าแล้วก็ไปลองใช้ Social Networks ตัวล่าสุดนี้กันเลยว่าจะสู้ Facebook อย่างที่ทาง Google คาดหวังไว้หรือไม่
ขณะนี้ (13 กค.54) ผู้ใช้ google+ มียอดคนใช้ถึง 10 ล้านคนทั่วโลกแล้ว
9 เหตุผลที่ควรย้ายจาก Facebook
มาใช้ Google+
ใน ตอนนี้ ถ้าพูดถึง Facebook กับ Google+ (Google Plus) คำถามแรกที่จะต้องได้ยินคือว่า Google+ จะมาแข่งกับ Facebook หรือเปล่า? เพราะดูจากฟีเจอร์ที่มีแล้ว ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Facebook พอสมควรครับ ถึงจะไม่เหมือนเป๊ะๆ แต่เชื่อว่า คนที่เคยเล่น Facebook มาก่อน คงจะหันมาเล่น Google+ ได้ไม่ยากเช่นกัน วันนี้ผมมีบทความเกี่ยวกับ Google+ มาให้อ่านกันครับ ซึ่งเป็นบทความจากเว็บไซต์ macworld.com (แต่ต้นฉบับของบทความนี้ อยู่ที่เว็บไซต์ PCWorld.com ครับ) โดยผู้เขียนให้ได้เหตุผลถึง 9 ข้อด้วยกัน ลองมาดูกันครับว่า ทำไม เราควรย้ายจาก Facebook มาใช้ Google+ ครับ
1) Google+ สามารถเชื่อมโยงกับบริการอื่นๆ จาก Google ได้
เชื่อว่า นี่อาจเป็นเหตุผลหลักที่จะช่วยผลักดันให้คนหันมาใช้ Google+ กันมากขึ้นครับ เพราะ Google ได้สร้าง Google+ ให้เชื่อมต่อกับผลิตภัณฑ์ออนไลน์มากมายที่ Google สร้างสรรค์ไว้ให้ ถ้าคุณอยากจะเช็คเมล Google ก็มี Gmail หรือถ้าหากคุณจะทำการเอกสาร Google เค้าก็มี Google Docs ไว้คอยบริการ รวมไปถึงการค้นหาข้อมูลต่างๆ (Search) Google ก็ขึ้นชื่ออันดับ 1 เรื่อง Search Engine อยู่แล้ว เรียกว่า ใช้แค่อย่างเดียว ก็สามารถทำได้ทุกอย่างนั่นเองครับ ที่สำคัญคือ บริการต่างๆ เหล่านั้น ใช้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Facebook ยังทำไม่ได้ครับ
2) Google+ บริหารจัดการกลุ่มเพื่อนได้ดีกว่า
ที่ผู้เขียนเค้าบอกว่า Google+ จะสามารถบริหารจัดการกลุ่มเพื่อนได้ดีกว่า ก็เพราะฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Circles นั่นเองครับ ซึ่งในชีวิตจริงนั้น เรามีเพื่อนหลายประเภท และมีวิธีสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ในวิธีที่แตกต่างกันไป จึงทำให้เกิด Circle ขึ้นมาแบ่งแยกว่า อันนี้คือ กลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนนะ อันนี้เป็นผู้ร่วมงาน อันนี้เป็นเพื่อนที่มหาลัย ถ้าถามว่า แล้ว Facebook ไม่มีการจัดการแบบนี้หรือ จริงๆ แล้วมีครับ แต่จะทำได้ “ยุ่งยากกว่า” (เขาให้เหตุผลมาแบบนี้ครับ) เพราะ Groups ใน Facebook เป็นแค่ฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมา แต่ Circles ใน Google+ เป็น “รากฐาน” ที่ Google ได้สร้างขึ้นมานานแล้วนั่นเองครับ
3) Google+ มี Mobile App ดีกว่า
ใคร ที่ใช้แอนดรอยด์โฟนอยู่ จะพบว่า การจะเข้าคอนเทนต์อะไรซักอย่างจากโทรศัพท์มือถือ ทำได้ง่ายมากครับ อีกทั้ง Google+ Mobile App (ผู้เขียนบอกว่า) เป็น App ที่ยอดเยี่ยมมาก ด้วยเหตุนี้ Google จึงกำลังหาทางทำให้แอนดรอยด์โฟน เชื่อมต่อกับ Google+ ได้อย่างไร้ที่ติ เพื่อเป็นยกระดับ Mobile App ให้ดีขึ้นไปอีก เพราะ Google หวังว่า อยากจะให้ Google+ นั้น เป็นฐานรวมผู้ใช้แอนดรอยด์ที่ใหญ่ที่สุดครับ
4) Google+ หาบทความ/สิ่งที่น่าสนใจ มาแชร์ได้ง่ายกว่า
เหตุผลที่ผู้เขียนบอกว่า Google+ หาของมาแชร์ได้ง่าย เพราะมีฟีเจอร์ที่ชื่อ Sparks ครับ โดยอาศัยข้อมูลจาก Search Engine อย่าง Google นั่นเอง เมื่อเปรียบเทียบกับ Facebook แล้ว Facebook ไม่มี Search Engine ในตัวครับ ถ้าจะหาข้อมูลดีๆ ก็ต้องเปิดเว็บและทิ้งลิงค์เอาไว้ภายหลัง หรือไม่ก็ต้องรอเพื่อนมาแชร์ แต่ถ้าใช้ Google+ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไปด้วยฟีเจอร์ Sparks ครับ
5) Google+ สามารถดึงข้อมูลกลับมาได้
Facebook นั้น สามารถบริหารจัดการข้อมูลส่วนตัวได้ค่อนข้างยากกว่า Google+ ครับ เพราะข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง เราอยากจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่ Facebook นั้นจะบังคับให้เราเปิดเผยข้อมูลบางส่วนนั้นเป็น “Public” (สาธารณะ) ไม่ใช่ “Private” (ส่วนตัว) นอกจากนี้ การลบ Account บน Facebook ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกันครับ อีกทั้งถ้าหากลบแล้ว ก็คือลบเลย เกิดวันนึงอยากได้รูปที่เคยโพสลง Facebook ก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว เพราะ Account ถูกลบไปแล้ว แต่บน Google+ เราสามารถทำได้ครับ แม้ว่า Account ของเราจะถูกลบไปก็ตาม เพราะบน Google+มีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Data Liberation ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งรูป, โปรไฟล์, Stream, Buzz รวมไปถึง รายชื่อผู้ติดต่อ ได้อีกด้วยครับ
6) Google+ มีระบบการ Tag รูปดีกว่า
สำหรับ การ Tag รูปนั้น ทั้ง Facebook กับ Google+ สามารถทำได้เหมือนกันคือ จิ้มที่หน้าคนที่เราต้องการจะ Tag แล้วใส่ชื่อ แต่สิ่งที่ผู้เขียน ได้เขียนเพิ่มลงไปก็คือว่า บน Google+ นั้น จะมีการส่งข้อความแจ้งคนที่เราเพิ่งใส่ชื่อ Tag ไปว่า เราได้ Tag เค้าไปนะ ซึ่งตรงนี้ ผมคิดต่างครับ เพราะ Facebook ก็มีระบบแจ้งเตือนเวลาเราโดน Tag รูปเหมือนกัน เลยไม่คิดว่า จุดนี้ Google+ จะแตกต่างจาก Facebook ครับ
7) Google+ มีระบบแชทที่เยี่ยมกว่า
จริงๆ แล้วทั้ง Facebook กับ Google+ ก็มีระบบแชทด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ Google+ อาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่ Google เองก็มีระบบแชทที่ชื่อว่า Google Talk อยู่แล้ว ซึ่งได้นำระบบบางอย่างบน Google Talk มาปรับใช้กับ Google+ ครับ ทำให้สามารถใช้ Video Chat ได้, คุยกันเป็นกลุ่ม Circles ได้ แถมด้วยโปรแกรมแชทอย่าง Huddle ซึ่งตรงนี้ถือว่า Google+ เหนือกว่า Facebook อยู่หลายขุมครับ
8) Google+ มีระบบการแชร์ที่ปลอดภัยกว่า
ความ ปลอดภัยในการแชร์ข้อมูลในที่นี้ หมายถึง เวลาที่เราอัพเดทข้อความ, รูป หรืออะไรก็ตามแต่ เราสามารถตั้งค่าได้ว่า ใครกันที่สามารถมองเห็นได้ จะให้เห็นกันทั้ง Circles หรือให้เฉพาะบุคคลเห็น Google+ ก็สามารถทำได้ครับ “แต่” จริงๆ แล้ว Facebook ก็ทำได้เหมือนกันครับ เพียงแต่ว่า ไอคอนการตั้งค่าเล็กเกินไป (สังเกตหน้า Facebook ครับ ด้านล่างที่เราจะโพสข้างๆ ปุ่ม Share จะมีไอคอนรูปแม่กุญแจอยู่) ทำให้หลายๆ คนอาจจะมองไม่เห็น ก็เลยคิดไปว่า Facebook คงทำไม่ได้แน่ๆ แต่ Google+ เค้าดึงฟีเจอร์นี้ออกมาให้เห็นกันชัดๆ ครับ แต่ใครที่เคยตั้งค่าความเป็นส่วนตัวกันไปก่อนหน้านั้น ต้องระวังนิดนึงครับ เพราะทั้ง Facebook กับ Google+ จะจำการตั้งค่าครั้งล่าสุดเอาไว้ ฉะนั้น ก่อนจะโพสอะไร ต้องมั่นใจเลยว่า เราโพสไปหาไม่ผิดคนแน่ๆ
9) Google ดูแลข้อมูลส่วนตัวได้ดีกว่า
ใน ข้อนี้ ผมไม่ขอให้ความเห็นว่าระหว่าง Facebook กับ Google ใครจะปกป้องข้อมูลส่วนตัวไม่ให้รั่วไหลได้มากกว่ากัน เพราะส่วนใหญ่แล้ว พวกรูปหลุดเอย ข้อมูลหลุดเอย ก็มักจะมาจากเจ้าของมากกว่าครับที่อาจจะตั้งค่าพลาดเอง หรือไม่ก็มาจากกลุ่มเพื่อนเสียมากกว่า


ที่มา : http://www.oknation.net/blog/eec/2011/08/13/entry-1

แรง! Google plus คว้ายอดสมาชิก 20 ล้านคนภายในสามสัปดาห์

บริการ Google+ เว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กรายล่าสุดที่รังสรรค์ขึ้นโดยกูเกิล เจ้าพ่อเซริจ์เอนจิ้น ดูท่าว่า กำลังมาแรงแบบไม่ยั้งเลยทีเดียว เมื่อมีผลสำรวจรายงานว่า ขณะนี้มีสมาชิกทะลุ 20 ล้านคนแล้ว หลังจากการเปิดตัวได้เพียงสามสัปดาห์
ทั้งนี้ Google+ มีผู้เยี่ยมชมไม่ซ้ำกันไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดย 5 ล้านคนมาจากสหรัฐฯ ตามผลสำรวจข้อมูลจากบริษัท ComScore ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเลขดังกล่าวทะยานเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัวหลังจากที่ซี อีโอกูเกิล Larry Page เปิดเผยผ่านหน้าเว็บไซต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “นับว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่ผมคิด” Andrew Lipsman รองประธานอาวุโสบริษัท ComScore บอกกับแหล่งข่าว ขณะที่ด้านตัวแทนจากกูเกิลก็ออกมาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อผลสำรวจที่ เกิดขึ้น ทั้งนี้ Google+ เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เวอร์ชั่นเบต้า แต่ก็มีผู้ใช้มากมายจากการส่งอีเมลล์เชื้อเชิญของบรรดากลุ่มครอบครัวและ เพื่อนฝูง โดย Larry Page อธิบายว่า เวลานี้บริการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นทดลองใช้งานและอาจจะมีปัญหาอุปสรรคมาก แต่บริษัทก็จะพัฒนาบริการนี้อย่างต่อเนื่อง

03 เมษายน 2555


ผมไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการพันาเว็บไซต์มาก่อน แต่สิ่งที่พอเรียนรู้ได้ก็คือเว็บบล็อกจาก Google นี่แหละครับ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างเว็บบล็อกเว็บของ Blogspot จาก Google และ เว็บบล็อก WordPress แต่ผมจะขอกล่าวถึงคุณลักษณะความสามารถพิเศษของ เว็บบล็อกจาก Google

  ความสามารถและคุณลักษณะพิเศษของ เว็บบล็อก Google มีดังนี้ :

 1.มีทีมงานพัฒนาเว็บจาก Google และทีมพัฒนาเทมดพลต Template อยู่แล้ว
 2.สามารถสำรองข้อมูล บทความ รูปภาพ และสำรองเทมเพลตได้
 3.รองรับการทำงานของโค้ด Jawa และ โค้ด HTML
 4.มี Gaget หลากหลายคุณลักษณะมาสนับสนับสนุนเว็บบล็อก
 5.สามารถกำหนดเทมเพลต แก้ไขรูปแบบหน้าเว็บได้อย่างอิสระ
 6.สนับสนุนการฝังไฟล์วีดีโอ embed จาก Youtube
 7.สนับสนุน Plugin จากเฟสบุกและ Plugin อื่นๆ
 8.อัพโหลดรูปภาพโดยใช้ URL (ที่อยูของรูปภาพในอินเตอร์เน็ต)
 9.สามารถปรับ ขยายขนาดของพื้นที่หน้าเว็บได้
10.สามารถโหลดรูปภาพพื้นหลัง คล้ายๆ hi 5
11.สามารถเลื่อน Gaget ของ Sidebar ได้อย่างอิสระ
12.สมาชิกสามารถส่งบทความเข้าในบล็อกโดยผ่านอีเมลล์ได้
13.มีป้ายกำกับไว้จัดระเบียบบทความและสมารถกำหนดการแสดงบทความของหน้าได้
14.มีระบบติดตามช่วยให้แฟนๆเว็บล็อกไม่ตกข่าว โดยผ่านอีเมลล์รายงานรายงานบทความใหม่
15.สามารถแชร์บทความในกระดานข้อความของเฟสบุกได้
     และยังมีคุณลักษณะอื่นๆที่ยังไม่ได้ระบุอีกมากมายในที่นี้ เพื่อนๆสามารถแสดงความเห็นหรือฝากข้อสงสัยได้โดยผ่านกระดานสนทนาข้างล่างนี้ได้ค
หารู้ไม่ว่าเฟสบุกที่คุณเล่นอยู่ทุกวันนี้แท้จริงแล้วมันคือสิ่งลึกลับที่น่ากลัวมาก ในยามที่คุณต้องเหงาและโดดเดี่ยวอยู่ตัวคนเดี่ยว เราพบความจริงที่เป็น สัจธรรมใน FACEBOOK มีอยู่ 4 ข้อ ทั้ง 4 ข้อมันได้เกิดขึ้นกับคุณหรือเปล่า ? หากมันเกิดขึ้นจริงแล้วเราจะแก้อาถรรพ์นั้นได้อย่างไร?

ความจริงใน FACEBOOK ข้อที่ 1
เรามีเพื่อนๆมากมาย อยู่ใน FACEBOOK  แต่ทำไม เราถึงไม่เข้าไปทักเขา ทั้งที่เห็นหน้าเขาอยู่เป็น ประจำช่างน่าละอายใจยิ่งนัก ไหนบอกว่ารักเพื่อน คิดถึงวันเก่าๆไง ฮ่าๆๆ แค่เปิดเฟสแล้วก็เหมือนกับว่าเราได้ไถ่ถามข่าวคราวของเพื่อนเราแล้ว.หรือเรา จะรอให้มีธุระก่อน หรือเวลาที่เราได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับเขา หรือ เวลาจะขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่าง ประมาณนี้ แล้วเราค่อยไปติดต่อพวกเขา

ความจริงใน FACEBOOK ข้อที่ 2
จาก การสังเกต พบว่า ชาวเฟสบุกส์ ชอบนำเรื่องราวเก่าๆมาฉายใหม่ เช่น นำรูปภาพของครั้งอดีตกาล มานำเสนอใหม่ และเขาก็ได้เขียนอะไรบางอย่าง ลงไปในนั้นด้วย และแล้วเพี่ยงไม่กีนาที เขาก็ประสบกับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ยังกับว่า โคลัมบัส ได้ค้นพบทวีปใหม่ของโลก เพราะว่ามีคนมาร่วมแจมด้วย ถ้าปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นตอนกลางคืน พวกเขาจะกลับไปนอนหลับฝันดี หากปรากฎการณ์ที่ว่านี้ เกิดขึ้นตอนกลางวัน พวกเขาจะยิ้มแย้มแจ่มใส...อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน

ความจริงใน FACEBOOK ข้อที่ 3
มีนักวิชาการณ์ท่านหนึ่งกล่าวว่า ไอ้เจ้า FACEBOOK ที่ว่านี้มันเป็นเสมือนอาถรรพ์ บางอย่าง ที่มีอำนาจอยู่เหนือธรรมชาติ มันสามารถสั่งการให้คนๆหนึ่ง ต้องมาเปิด ต้องมาดู วันละหลายๆครั้ง เพื่อติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของคนในวงการ FACEBOOK ด้วยกันว่าวันนี้มีใครมา Comment เขาหรือเปล่า เพราะได้ยินเสียงบางอย่างมากระซิบข้างๆหู ว่า (เฮ้ย!!..เปิด FACEBOOK ซิ วันนี้มีคน Comment เธอด้วยแหละ... ) สุดท้ายเขาก็ต้องมาเปิด FACEBOOK จนได้.. เหตุการณ์ดั่งกล่าวนี้ จะเกิดขึ้นกับทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็น เด็กทารก เด็กวัยรุ่น วัยทำงาน หรือ วัยชราก็ไม่เว้น (หากว่าเขาสามารถใช้ FACEBOOK เป็น..)ลองถามตัวเองดูซิว่า วันนี้คุณได้ยินเสียงกระซิบที่ว่านี้หรือเปล่า?

ความจริงใน FACEBOOK ข้อที่ 4
บาง ทีการโชว์รูปตัวเองสู่สาธารณะถือว่าเป็นโรคจิตอย่างหนึ่ง (หรือเปล่าก็ไม่รู้) แต่ที่รู้ๆ ชาวเฟส มีความสุขที่ได้เล่าเรื่องผ่านรูปถ่ายของตัวเอง อยากให้คนโน้น คนนี้มา.Comment ยิ่งวันไหนที่มีคน.Commentเยอะๆ วันนั้นแหละที่ถูกหวย อะไรมันจะขายดิบขายดีอย่างนี้ ไม่ได้การแล้วเราต้อง..Comment ด้วยคนแล้ว ฮ่าๆๆ  :D ( เพื่อแสดงถึงการมีส่วนร่วมและบทบาทในสัมคม Facebook) วันไหนที่ไม่มีใครมา .Comment วั้นนั้นแหละที่เป็นวันที่เศร้าใจ หงอยเหงาสุดๆ ทำไมน๊า ทำไมน่า ร้านเราวันนี้ เงียบเหงาจัง (..ถ้าเทียบกับร้าน อาแปะ ขายของชำข้างๆบ้าน) ไม่ได้การแล้ว เราต้องไปหาข่าว ไปสืบข่าวใหม่ๆ Who What When Where Why How? อะไร ประมาณนี้ มาบอก มาแจ้ง มาวิพากษ์ วิจารณ์ ฮ่าๆ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเปิดดูอีกครั้ง เป็นประจำวัน

คำเตือน
หาก คุณแอ๊ดผมแล้ว !!! ในแต่ละเดือนคุณต้องมาทักทายผมบ้างน่ะครับ ไม่ใช่ว่า... แอ๊ดทีเดียว หายตัวไปตลอดกาล !!! แบบว่า ปีหน้านี้คุณไม่อยากเจอผมแล้ว ... หากคุณไม่ได้ทำตามกฎเกณฑ์ของเรา เราจะทำให้คุณ ต้องเป็นอันหายสาบสูญ  เพราะว่า "คนที่รู้จักกัน ย่อมจะต้องถามไถ่ทุกข์สุกกัน อย่างน้อยวันละ 4 เวลา เช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอน :D ฮ่าๆ..


       อัสสาลามมูอาลัยกุม ขอความสุขสันติจงมีแด่ผู้มาเยือนทุกคนน่ะครับ ผมไม่มีงานทำว่างงานพอดีก็เลยอยากใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์ เพราะผมคิดว่าความรู้ที่มีมาย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อคนรอบๆข้าง ก็เลยคิดว่า เอ ! จะทำอะไรดีน๋า ให้ผู้อืนได้มาเรียนรู้และนำความรู้ที่ได้มาไปต่อยอด ก็เลยคิดอยากจะทำนี่ นั่น โน้น งง งวยไปหมด แต่สุดท้ายก็คิดว่า สิ่งที่เราถนัดอาจจะเป็นอาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น (จริงๆแล้ว ตัวผมเองก็ไม่ได้จบสายเทคโนโลยีโดยตรงหรอกครับ) ก็เลยไม่กล้า open สักเท่าไหร่ครับ ผู้ที่รู้จริงยังไม่ปรากฏตัว ผมก็จำเป็นต้องออกโรงเมื่อยังไม่มีใครถ่ายถอดความรู้ในส่วนนี้ แต่ก่อนย้อนไปประมาณ  5-6 ปีที่แล้ว หากใครอยากจะสร้างเว็บไซต์ เพื่อองค์กรหรือเว็บไซต์ส่วนตัว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เดียวที่จะได้มาสักเว็บหนึ่ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย เป็นหมื่อกว่าบาท ต่อมาพัฒนาการของเว็บไซต์ก็ได้เปลี่ยนจาก เว็บที่ต้องใช้ภาษา HTML หรือโค้ดอื่นๆ มาเป็นเว็บสำเร็จรูป ก็ถือว่าเป็นการยากน่ะครับหากใครบางคนจะเรียนรู้วิธีการติดตั้งหรือเป็นผู้ดูแลระบบก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน กว่าจะรู้แบบขั้นพื้นฐานทั่วไป ช่วงนั้นผมกระวนกระวายอยากจะเรียนรู้ เรื่องการสร้างเว็บไซต์ ก็เลยลองผิดลองถูกแบบมั่วซั่ว สุดท้ายก็ต้องยกธงขาวขอยอมแพ้ เพราะแม้ว่าจะเป็นเว็บแบบสำเร็จรูปก็จริงแต่ก็ไม่ง่ายเลยน่ะครับ สำหรับผู้ที่ไม่รู้จริงเช่นผม ก็เลยคิดว่าคงไม่ถูกชะตากับผม
      อกหักไปหลายปีแต่ก็อยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอีกครั้ง ครั้งนี้ผมตั้งใจเป็นอย่างมากที่จะเรียนรู้อย่างจริงจังใช้เวลาลองผิดลองถูกเช่นกัน ประมาณปีกว่า เลยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างเว็บบล็อกของ Google ก็เลยมั่วอีกเช่นกัน เสิร์ชหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตในหลายๆเว็บอ่ะ สุดท้ายก็ได้ค้นพบเว็บสอนทำบล็อกนับตั้งแต่วันนั้นมา (ตอนนี้ก็ยังลองผิดลองถูกเช่นกัน)  เว็บบล็อกเป็นเว็บไซต์ส่วนตัว สามารถใส่เรื่องราวอะไรต่างๆนาๆได้ ตามความชอบของเรา มาจากคำว่า Web กับคำว่า Login ก็เรียกแบบเร็วๆว่า Weblog ตัดคำว่า in ออก คือเว็บที่ Google สร้างมาสำหรับ Account หรือบัญชีของแต่ละคนที่สมัครใช้อีเมลล์ของ Google ดังนั้นหากใครอยาจจะมีเว็บบล็อกสักเว็บหนึ่งก็อย่าลืม Registration กับ Account ก่อนเป็นอันดับแรก  ขอขยายความน่ะครับเว็บบล็อกคือเว็บไซต์นั่นเอง แต่ทุกคนสามารถกำหนดทิศทางได้อย่างอิสระครับ ไม่ว่าจะสร้างเว็บเพื่อ โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ธุรกิจ สื่อการสอน โรงเรียน หรือเพื่อองค์กร อีกมากมาย ก็สามารถสร้างได้ทันที เพราะคุณได้รับสิทธินั้นเดี๋ยวนี้ครับ   ใครๆก็มีมีเว็บไซต์ได้และไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป เพราะ Google ให้แบบฟรีๆไม่เสียตัง เขาว่าของฟรีไม่มีในโลกแต่ Google ให้คุณได้ครับ
สิ่งที่คุณจะได้รับจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Google คือ
---------------------------------------------------------------------
1.สมัครใช้อีเมลล์ฟรี
2.อัพโหลดรูปภาพเก็บไว้ใน Picasa ฟรี
3.ใช้ Google Doc ในการเก็บเอกสารหรือแก้ไขงานแบบออนไลน์
4.สร้างเว็บบล็อกฟรี
5.มีไซต์ไว้เก็บข้อมูล เอกสาร อีบุก เพลง รูปภาพ อีกมากมายฟรี
6.สมัครใช้ Youtube อัพโหลดวีดีโอได้ทันที ถ้ามีบัญชี Gmail
7.มีปฏิทินไว้เตือน กิจกรรม ตารางการนักหมาย ฟรี
8.สามารถนำ Plugin ต่างๆในเฟสบุกมาเชื่อต่อได้
9.แนบลิงค์ แนบเอกสารได้
10.นำไฟล์ Flash มาสนับสนุนหรือประยุกต์ใช้ได้
---------------------------------------------------------------------

    สรุปน่ะครับตั้งแต่ขอ้ที่ 1-10 สามารถนำมารวมกันมาประยุกต์กันได้หมด น่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ ? ผมจะอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเพื่อแนะนำเพื่อนๆที่เขามาแล้วอยากมีเว็บบล็อกสักเว็บหนึ่ง ผมอยากให้เพื่อนที่เข้ามาดูบล็อกของผมแล้วสามารถทำได้เช่นผม ผมก็ Happy แล้วครับ อยากเป็นครูผู้สอนแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาก็เลยต้องหาเวลามาเป็นครูแบบสมัครเล่นในโลกออนไลน์ซะเลย ผมเองก็เริ่มจาก 0 นับ 1 เป็นก้าวแรกและก้าวต่อไปเสมอ ขอให้เพื่อนตั้งใจเพื่อสร้างบ้านของคุณให้เหมือนผมมีเรื่องอะไรที่ไม่เข้าใจหากไม่เกินความสามารถก็ปรึกษาได้น่ะครับ ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขน่ะครับ ทีมงานสอนทำบล็อก
---------------------------------------------------------------------
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
Registration  :  การลงทะเบียน
Account       : บัญชี
Plugin          : ปลั๊กอิน
Account       : บัญชี
---------------------------------------------------------------------

01 เมษายน 2555


เริ่มต้นด้วยเว็บบล็อก
เว็บไซต์สมาคมนักศึกษาไทยในอินโดเนเซีย สร้างมาจากเว็บบล็อกกูเกิล เหตุผลเพราะว่าสะดวกต่อการดูแลระบบ สามารถอัพเดตข้อมูลได้ทุกวัน ผู้จักทำได้พัฒนารูปแบบเทมเพลตอย่างต่อเนื่องนอกจากนั้นแล้วยังสามารถเปลี่ยนรูปแบบเทมเพลตได้ตามใจชอบ เพื่อให้ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์จึงมีการใช้แอพป์จากเฟสบุกเข้ามาสนับสนุนเพื่อง่ายต่อการติดต่อระหว่างกัน มีหน้าแฟนเพจ กลุ่มเฟสบุก นอกจากนั้นแล้วยังมีโครงการสร้างเว็บบล็อกเพื่ออ่านอีบุกในไฟล์ .PDF และไฟล์ Flash .SWF ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการคาดว่าอีกไม่นานก็จะได้เปิดใช้งาน อย่างเป็นทางการ หากท่านใดต้องการศึกษาเกี่ยวกับเว็บบล็อกขั้นพื้นฐานทางเรายินดีให้ข้อแนะนำเบื้องต้นได้  การสร้างเว็บไซต์จากบล็อกเกอร์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมาก เน้นการอัพเดพและความรวดเร็วฉับไวเป็นสำคัญ

30 มีนาคม 2555

รู้ มั้ย ว่า น้ำ ซัม ซัม มหัศจรรย์ อย่าง ไร บ้าง ? ? 

ซัมซัม (ภาษาอาหรับ: زمزم ; ภาษาอังกฤษ: Zamzam)

เป็นชื่อน้ำจากบ่อ น้ำแร่ที่อยู่ทางทิศตะวันออก ของกะอฺบะหฺราว 20 เมตร ตั้งอยู่ใจ กลางอัลมัสญิด อัลฮะรอม ในมักกะหฺ มีมาก่อนนบีมุฮัมมัด ชาวมุสลิมถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์


 ประวัติของบ่อน้ำซัมซัม


เมื่อนางฮาญัร ภรรยาคนที่สองของนบีอิบรอฮีม ถูกทอดทิ้งที่กลางทะเลทราย ณ บัยตุลลอหฺ ท่ามกลางที่ราบต่ำแห่งมักกะหฺ ซึ่งไม่มีต้นไม้และน้ำ นางจึงทิ้งอิสมาอีล บุตรชายที่กำลังกระหายน้ำบนพื้นดิน ข้างหน้าบัยตุลลอหฺ ที่สร้างโดยอาดัม

และ วิ่งเสาะหาน้ำระหว่างเนินเขาศอฟาและมัรวะหฺ อิสมาอีลที่กำลังกระหายน้ำอย่างจัดนั้นก็ร้องไห้ เท้าก็ดันพื้นจนเป็นร่อง สักครู่ก็มีตาน้ำไหลออกมา เมื่อนางฮาญัรกลับมาดูลูก ก็เห็นว่าบุตรชายตัวน้อย ๆ ของตนกำลังก่อทรายกั้นน้ำไม่ให้ไหลไปทางอื่น ปากก็กล่าวว่า ซัมซัม ซัมซัม แปลว่า ล้อม ๆ ล้อม ๆ

ตั้งแต่นั้นมาก็ มีชาวอาหรับทราบข่าวของตาน้ำ ที่กลายเป็นบ่อน้ำที่มีน้ำมหาศาล ก็พาปักหลักที่นั่นจนแผ่นดินแห่งบักกะหฺ (ชื่อเดิมของมักกะหฺ)ได้กลายเป็นเมือง และเป็นศูนย์กลางของอารเบีย

ต่อ มาตระกูลญุรหุมแห่งเผ่าเกาะฮ์ฏอน ถูกเผ่าคุซาอะหฺขับไล่ออกจากมักกะหฺ พวกเขาจึงเก็บทรัพย์สิน อีกทั้งยังทำลายบ่อน้ำซัมซัมด้วยการเอาดินถมปิดบ่อ ก่อนที่จะอพยพออกจากเมืองมักกะหฺ

เมื่อบ่อน้ำถูกดินกลบมาเป็นเวลา หลายร้อยปี ผู้คนก็ไม่รู้สถานที่อันเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำซัมซัมอีกต่อไป ครั้งหนึ่งอับดุลมุฏฏอลิบ ปู่ของนบีมุฮัมมัด ฝันเห็นตำแหน่งของบ่อน้ำซัมซัม จึงชวนลูกชายชื่อฮาริษไปขุด ก็พบกับตาน้ำซัมซัม อับดุลมุฏฏอลิบจึงได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าของบ่อน้ำซัมซัมตั้งแต่นั้นมา

ระดับของน้ำซัมซัมอยู่ที่ประมาณ 10.6 ฟุตจากระดับผิวดิน
มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อัลลอฮฺทรงประทานมาให้พวกเรา
น้ำซัมซัมถูกสูบขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง
โดยมีอัตราการสูบถึง 8,000 ลิตรต่อวินาทิ
จนระดับผิวบนของน้ำต่ำลงไปจากเดิมอยู่ที่ 44 ฟุตจากระดับผิวดิน

แต่.. เมื่อการสูบได้หยุดลง
ระดับน้ำจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 13 ฟุต ในเวลา 11 นาที

8,000 ลิตรต่อวินาที
หมายถึง 8,000 x 60 = 480,000 ลิตร ต่อ นาที
480,000 ลิตร ต่อ นาที
หมายถึง 480,000 x 60 = 28.8 ล้านลิตร ต่อ ชั่วโมง
และ 28.8 ล้านลิตร ต่อ ชั่วโมง
หมายถึง 28,800,000 x 24 = 691.2 ล้านลิตร ต่อ วัน
ดังนั้นน้ำซัมซัมถูกสูบขึ้นมา 690 ล้านลิตร ในเวลา 24 ชั่วโมง
แต่มันได้ถูกเติมเต็มให้มีปริมาณเท่าเดิมในเวลาเพียง 11 นาที เท่านั้นเอง

มีความมหัศจรรย์ 2 ประการ ณ ที่นี้
ประการแรก คือ น้ำซัมซัมถูกเติมเต็มได้ในทันที
ประการที่สอง คือ อัลลอฮฺได้นำคุณสมบัติของน้ำใต้ดินอย่างหนึ่งออกจากน้ำซัมซัม นั่นคือ การทำให้น้ำซัมซัมไม่พุ่งออกมาจากใต้ดิน เหมือนน้ำใต้ดินในบางแห่ง มิเช่นนั้นแล้วพื้นดินบนโลกก็จะจมอย่างแน่นอน



ซึ่งนี่เป็นความหมายของคำว่า ซัมซัม ซึ่งหมายถึง หยุด !!!!!!
หยุด !!!!
[ตามที่ท่าน Hajirah Alaih As Salaam ได้กล่าวไว้]

ซิมาม เป็นคำในภาษาอาหรับ หมายถึง เชือกหรือบังเหียน ซึ่งใช้ดึงเวลาที่จะหยุดสัตว์ที่กำลังวิ่ง.

น้ำซัมซัม ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
แต่มีรสชาติที่แตกต่างจากน้ำทั่วไปอย่างชัดเจน

 

ความสำคัญของน้ำซัมซัมในอิสลาม


น้ำซัมซัมนอกจากจะมีความสำคัญในทาง ประวัติศาสตร์แล้ว ยังถือว่าเป็นน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นมงคล ผู้คนจากทุกสารทิศจะบรรจุน้ำซัมซัมเพื่อพากลับไปยังประเทศของตน เพื่อเป็นของขวัญแก่ญาติพี่น้อง มีรายงานจากนบีมุฮัมมัดว่า น้ำซัมซัมเป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

กฏหมายบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาได้ออกกฏหมายยกเว้น อนุมัติให้พวกที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์พาน้ำซัมซัมเข้าประเทศได้

ธุรกิจน้ำซัมซัม

ประเทศ ซาอุดีอาระเบียมีกฏบัญญัติห้ามไม่ให้ซื้อขายน้ำซัมซัม หรือส่งออกต่างประเทศเป็นสินค้า อย่างไรก็ตามก็ยังมีพ่อค้าที่ขนน้ำซัมซัมไปขายต่างประเทศ


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

[Ref. # Come Towards Allah Come Towards Success ]
บทความจากเฟสบุค

โดย: Noor Ai Nee

29 มีนาคม 2555

Assalamualaikum ขอความสันติสุขจงมีแด่ผู้มาเยี่ยมชมบล็อกของ TSAI ทุกคนครับ บางทีเพลงที่มีอยู่ในยูทูปเราไม่สามารถนำมาเิปิดเป็นเพลลิสได้ หากทำเป็นเพลงเดี่ยวๆนั้น สามารถทำได้โดยที่เราไปคัดลอกโค้ดแล้วเอามาฝังลงในเว็บ ทุกอย่างก็เสร็จขั้นตอน แต่ถ้าหากว่าเราจะจัดการเพลงที่ชอบทั้งหมดมาเล่นอย่างต่อเนื่องก็ทำได้ยากน่ะครับ ฉะนั้นวันนี้ผมจึงมีมีเทคนิกพิเศษในการการทำเพลลิสจากวีดีโอในยูทูป ให้เล่นแบบอัตโนมัติ ไม่จำกัดเพลง ตามที่เราได้หามาเป็นเพลงโปรดของเรา ขั้นตอนการทำก็ไม่ยากน่ะครับ ผมข้ามขั้นตอนก็แล้วกันน่ะครับ เพราะบทความนี้เป็นทบความที่ 3 แสดงโค้งและการแก้ไข โค้ดดังภาพตัวอย่างข้างล่างนี้ ส่วนขั้นตอนที่ 1 และขั้นตอนที่ 2 จะเขียนลงในเว็บอีกครั้งน่ะครับ